วันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2556
วันพุธที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556
Air Jordan IV ( Dark Grey/Green Glow/Cement Grey/Black)
ads
Air Jordan IV
Dark Grey/Green Glow-Cement Grey-Black
308497-033
08/17/13
$160
ชอบ Jordan iv อะ ถ้ามีโอกาสจะจัดมาซัดคู่^^
ads
Air Jordan IV
Dark Grey/Green Glow-Cement Grey-Black
308497-033
08/17/13
$160
ชอบ Jordan iv อะ ถ้ามีโอกาสจะจัดมาซัดคู่^^
ads
วันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2556
วันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2556
ปิดฉาก Season 2013 Spotr Rev thailand Slammers ดั่งฝันใฝในฝันอันสูงสุด
ads
จบไปแล้วสำหรับบาสเกตบอลรายการใหญ่ระดับอาเซี่ยนสำหรับทีม Spotr Rev thailand Slammers ทุกคนรู้ผลไปแล้ว เราแพ้ San Miguel Beermen 3-1 เกม ตกรอบเพลยออฟ (สำหรับใครที่ไม่ทราบ เพลยออฟของบาสเกตบอลลีกเขาจะเล่นเป็นซีรี่ย์อย่าง NBA จะแข่งกัน 7 เกม ใครชนะก่อน 4 เกมก็เข้ารอบต่อไป ซึ่ง ABL เล่นแค่ 5 เกม ใครชนะ 3 เกมก็เข้าชิงทันที )
แต่ก็ถือว่าเราทำได้สำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ เข้ารอบเพลยออฟ (ทุกประเทสต่างดูถูกเรา และฟันธงว่าเราจะเป็นที่โหล่ของลีก ซึ่งเราก็พิสูจน์แล้วว่าพวกนั้นคิดผิด) เราเข้าเพลยออฟมาเป็นอันดับที่ 4
จากเกมแรกจนถึงเกมสุดท้ายผมได้เห็นการพัฒนาในหลายๆด้านของนักกีฬาไทยและรูปแบบการเล่นของทีม (ถ้าใครตามดูตลอดจะเห็นว่าเราแพ้ไม่เกิน 5-10 แต้ม ไม่มีแบบแพ้ขาดลอย เราสู้ได้สนุกสูสี แต่ความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆทำให้เราโดนลงโทษและพ่ายแพ้ในหลายๆเกมที่บอกได้แค่ว่า อีกนิดก็ชนะแล้ว) ถือเป็นบทเรียนสำคัญของนักกีฬาที่จะต้องเอาไปแก้ไขกัน
ทีมนี้โค้ชโจทำทีมมาสองซีซั่น (ปีที่แล้วใช้ชื่อ Bangkok Crobra) นักกีฬาส่วนใหญ่เป็นชุดเดิม และคนที่เข้ามาใหม่ก็เติมเต็มสิ่งที่ทีมขาดหายไปในปีที่แล้ว (แต่บอกได้เลยว่าการขาด เจโอ ไปนี่ส่งผลต่อเกมวงนอกอย่างร้ายแรง) แต่การขาด เจโอ ทำให้ วชรพงษ์ ได้มีโอกาสก้าวขึ้นมาเป็นชู้ตเตอร์ประจำทีมทดแทน และก็มีอีกหลายคนที่แจ้งเกิดบนเวทีระดับอาเซี่ยนกันถ้วนหน้า เช่น แก้ว (ที่สามารถปะทะกับการ์ดของฟิลิปินได้อย่างสนุก), รูเบน (ก้าวไปอีกระดับในเกม), เดฟ (ใจมาแล้ว), แวน (เวลาเล่นน้อยแต่ได้เฮตัลหลอดดด), บาส (สปีดระดับฟิลิปิน), สิงห์ (แกร่งทั่วแผ่น), ดนัย (วิ่งไม่มีหมด), ปามล์ (สุดยอดบิ๊กช็อต),
หลังเกมสุดท้าย ผู้เล่นฟิลิปินทุกคนมาคุบกับโค้ชโจเพื่อบอกว่า ถึงแม้ว่าพวกเขาชนะก็จริง แต่ก็เหนื่อยและหนักหนามากกว่าจะผ่านทีมไทยไปได้ (เราส่งสัญณาณไปสู่ทุกที่แล้วว่าเราทำได้ และหลายๆทีมก็เริ่มรู้สึกได้ว่าไม่ควรประมาททีมไทย)
วันนี้ (1/6/56) ทีมมีตตี้งครั้งสุดท้าย ที่บ้านบอสโอ๊ค ผมจะเล่าเท่าที่ผมจำได้ก็แล้วกันนะ (มันเยอะมากจำไม่หมด)
โค้ชโจ บอกว่า ที่เขาตัดสินใจมาทำทีมไทยก็เพราะเขาได้คุยกับชายที่มีความฝันจะผลักดันบาสเกตบอลไทยให้ก้าวไปสู่ระดับอาเซี่ยน(จะเอาชนะฟิลิปินให้ได้) ชายคนนั้นคือ อดีตนายกสมาคมบาสฯ คุณ สุรศักดิ์ ชินวงศ์วัฒนา
ผมเคยถามโค้ชโจว่าทำไมถึงเลือกประเทศไทย ทั้งๆที่ ฟิลิปิน อินโดฯ แม้แต่มาเลย์ฯ ก็อยากได้ โจ ไบรอั้น ไปคุมทีมกันทั้งนั้น โจ บอกว่าเขาก็มีความฝันคลายๆกับคุณสุรศักดิ์ ชินวงศ์วัฒนา เลยตัดสินใจที่จะทำทีมไทยแลน^^
ส่วน คริส ชาลว์ ก็บอกว่า เขารักทีมนี้เพราะแตกต่างจากหลายๆทีมที่เขาเคยไปเล่นมา คือ ทีมอื่นๆนักกีฬาแต่ละคนล้วนต้องการจะเป็นซุปเปอร์สตาร์ของทีม แต่ทีมนี้ไม่เป็นแบบนั้น ทุกคนรู้หน้าที่ว่าจะต้องทำอะไร ไม่มีใครต้องการเป็นซุปตาร์ มันทำให้การเล่นของเขาง่ายขึ้น อีกทั้งยังพูดถึงบอสโอ๊ค (เจ้าของทีม) ว่าเป็นโอนเนอร์ที่แตกต่างโดยสิ้นเชิงกับเจ้าของทีมกีฬาส่วนใหญ่(หรือแทบจะทั้งหมด) คือ บอสโอ๊ค ไม้ได้มองบาสเกตบอลในเชิงธุรกิจเลย (ซึ่งว่ากันตรงๆคนทำทีมอาชีพก็หวังผลกำไรกันทั้งนั้น แต่วงการนี้เราก็รู้ๆกันอยู่ว่า จะให้เกิดเป็นธุรกิจคงยาก) แต่บอสโอ๊คก็ตัดสินใจเดินหน้าต่อแม้ว่าจะขาดทุนทางตัวเลข อีกทั้งยังไม่พยายามก้าวก่ายงานของโค้ช และนักกีฬา (เจ้าของบางคนนี่แทบจะมาเป็นโค้ชซะเอง คริส บอก ฮ่าๆ) ซึ่งมันทำให้ได้ใจเขาไปเต็มๆ
แดเรียส์ เขาพูดถึงว่า คนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยภูมิใจที่เป็นคนไทย (อันนี้จริง) เขาอยากให้พวกเราภาคภูมิใจในตัวเอง เราแสดงให้ทุกทีมเห็นแล้วว่าคนไทยก็ซัดกับฝรั่งได้ (ไม่เชื่อไปถามสิงห์^^) ฝรั่งมันก็คนเหมือนเรานี่แหละอย่าไปยกยอปอปั้นอะไรมากมาย จงภูมิใจที่เป็นคนไทยนะพี่น้อง
แซ็ก บอกว่า ทีมนี้เหมือนทีมบาสไฮสคูล คือ กระหายชัยชนะ ไปไหนไปกันเป็นทีม สู้ด้วยกัน สนุกด้วยกัน แพ้/ชนะด้วยกัน ซึ่งต่างจากทีมอาชีพที่ต่างคนต่างมาทำงาน
ฟลอย พูดที่หลังก็เลยไม่ค่อยมีคำอะไรโดนๆออกมาเพราะโดนคนอื่นๆพูดไปหมดแล้ว^^!
ส่วนคนไทยก็ให้สิงห์เป็นตัวแทนมาพูด ก็บอกว่าพวกเราโชคดีที่มีบอสโอ๊คคอยสนับสนุน และให้โอกาสนักกีฬาไทยได้ประกาศศักดาห์ในเวที่ระดับอาเซี่ยน (เราใช้ผู้เล่นในประเทศลงสนามมากกว่าทีมอื่นๆ ยกเว้นทีมฟิลิปินนะ)
สำหรับผมแม้ซีซั่นนี้มันจะแสนสั้น(ได้เล่น 5 เกมมั้งถ้าจำไม่ผิด ก่อนโดนดันไปเป็นผู้ช่วยโค้ช) แต่ประสบการ์ที่ได้รับมันแสนจะคุ้มค่า ได้เรียนรู้หลายๆเรื่อง มีทั้งดีและไม่ดี ก็จะเอาไปใช้บอกเล่าให้น้องๆในทีมที่ผมโค้ชอยู่ได้เอาไปใช้กัน
สุดท้ายก็เอาภาพบรรยากาศสบายๆมาฝากกัน เพราะไม่รู้ว่าปีหน้าผมจะมีโอกาสแบบนี้อีกไหม ฝากถึงน้องๆที่รักบาสเกตบอลครับ โอกาสมาแล้วก็ผ่านไป ถ้าเราไม่พร้อมที่จะคว้าไว้มันก็จะกลายเป็นโอกาสของคนอืนครับ ฉนั้นเตรียมตัวให้พร้อมตลอดเวลา ซ้อมให้หนักครับ เพราะเราไม่รู้ว่าโอกาสทองจะมาเมื่อไหร่)
จบไปแล้วสำหรับบาสเกตบอลรายการใหญ่ระดับอาเซี่ยนสำหรับทีม Spotr Rev thailand Slammers ทุกคนรู้ผลไปแล้ว เราแพ้ San Miguel Beermen 3-1 เกม ตกรอบเพลยออฟ (สำหรับใครที่ไม่ทราบ เพลยออฟของบาสเกตบอลลีกเขาจะเล่นเป็นซีรี่ย์อย่าง NBA จะแข่งกัน 7 เกม ใครชนะก่อน 4 เกมก็เข้ารอบต่อไป ซึ่ง ABL เล่นแค่ 5 เกม ใครชนะ 3 เกมก็เข้าชิงทันที )
แต่ก็ถือว่าเราทำได้สำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ เข้ารอบเพลยออฟ (ทุกประเทสต่างดูถูกเรา และฟันธงว่าเราจะเป็นที่โหล่ของลีก ซึ่งเราก็พิสูจน์แล้วว่าพวกนั้นคิดผิด) เราเข้าเพลยออฟมาเป็นอันดับที่ 4
จากเกมแรกจนถึงเกมสุดท้ายผมได้เห็นการพัฒนาในหลายๆด้านของนักกีฬาไทยและรูปแบบการเล่นของทีม (ถ้าใครตามดูตลอดจะเห็นว่าเราแพ้ไม่เกิน 5-10 แต้ม ไม่มีแบบแพ้ขาดลอย เราสู้ได้สนุกสูสี แต่ความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆทำให้เราโดนลงโทษและพ่ายแพ้ในหลายๆเกมที่บอกได้แค่ว่า อีกนิดก็ชนะแล้ว) ถือเป็นบทเรียนสำคัญของนักกีฬาที่จะต้องเอาไปแก้ไขกัน
ทีมนี้โค้ชโจทำทีมมาสองซีซั่น (ปีที่แล้วใช้ชื่อ Bangkok Crobra) นักกีฬาส่วนใหญ่เป็นชุดเดิม และคนที่เข้ามาใหม่ก็เติมเต็มสิ่งที่ทีมขาดหายไปในปีที่แล้ว (แต่บอกได้เลยว่าการขาด เจโอ ไปนี่ส่งผลต่อเกมวงนอกอย่างร้ายแรง) แต่การขาด เจโอ ทำให้ วชรพงษ์ ได้มีโอกาสก้าวขึ้นมาเป็นชู้ตเตอร์ประจำทีมทดแทน และก็มีอีกหลายคนที่แจ้งเกิดบนเวทีระดับอาเซี่ยนกันถ้วนหน้า เช่น แก้ว (ที่สามารถปะทะกับการ์ดของฟิลิปินได้อย่างสนุก), รูเบน (ก้าวไปอีกระดับในเกม), เดฟ (ใจมาแล้ว), แวน (เวลาเล่นน้อยแต่ได้เฮตัลหลอดดด), บาส (สปีดระดับฟิลิปิน), สิงห์ (แกร่งทั่วแผ่น), ดนัย (วิ่งไม่มีหมด), ปามล์ (สุดยอดบิ๊กช็อต),
หลังเกมสุดท้าย ผู้เล่นฟิลิปินทุกคนมาคุบกับโค้ชโจเพื่อบอกว่า ถึงแม้ว่าพวกเขาชนะก็จริง แต่ก็เหนื่อยและหนักหนามากกว่าจะผ่านทีมไทยไปได้ (เราส่งสัญณาณไปสู่ทุกที่แล้วว่าเราทำได้ และหลายๆทีมก็เริ่มรู้สึกได้ว่าไม่ควรประมาททีมไทย)
วันนี้ (1/6/56) ทีมมีตตี้งครั้งสุดท้าย ที่บ้านบอสโอ๊ค ผมจะเล่าเท่าที่ผมจำได้ก็แล้วกันนะ (มันเยอะมากจำไม่หมด)
โค้ชโจ บอกว่า ที่เขาตัดสินใจมาทำทีมไทยก็เพราะเขาได้คุยกับชายที่มีความฝันจะผลักดันบาสเกตบอลไทยให้ก้าวไปสู่ระดับอาเซี่ยน(จะเอาชนะฟิลิปินให้ได้) ชายคนนั้นคือ อดีตนายกสมาคมบาสฯ คุณ สุรศักดิ์ ชินวงศ์วัฒนา
ผมเคยถามโค้ชโจว่าทำไมถึงเลือกประเทศไทย ทั้งๆที่ ฟิลิปิน อินโดฯ แม้แต่มาเลย์ฯ ก็อยากได้ โจ ไบรอั้น ไปคุมทีมกันทั้งนั้น โจ บอกว่าเขาก็มีความฝันคลายๆกับคุณสุรศักดิ์ ชินวงศ์วัฒนา เลยตัดสินใจที่จะทำทีมไทยแลน^^
ส่วน คริส ชาลว์ ก็บอกว่า เขารักทีมนี้เพราะแตกต่างจากหลายๆทีมที่เขาเคยไปเล่นมา คือ ทีมอื่นๆนักกีฬาแต่ละคนล้วนต้องการจะเป็นซุปเปอร์สตาร์ของทีม แต่ทีมนี้ไม่เป็นแบบนั้น ทุกคนรู้หน้าที่ว่าจะต้องทำอะไร ไม่มีใครต้องการเป็นซุปตาร์ มันทำให้การเล่นของเขาง่ายขึ้น อีกทั้งยังพูดถึงบอสโอ๊ค (เจ้าของทีม) ว่าเป็นโอนเนอร์ที่แตกต่างโดยสิ้นเชิงกับเจ้าของทีมกีฬาส่วนใหญ่(หรือแทบจะทั้งหมด) คือ บอสโอ๊ค ไม้ได้มองบาสเกตบอลในเชิงธุรกิจเลย (ซึ่งว่ากันตรงๆคนทำทีมอาชีพก็หวังผลกำไรกันทั้งนั้น แต่วงการนี้เราก็รู้ๆกันอยู่ว่า จะให้เกิดเป็นธุรกิจคงยาก) แต่บอสโอ๊คก็ตัดสินใจเดินหน้าต่อแม้ว่าจะขาดทุนทางตัวเลข อีกทั้งยังไม่พยายามก้าวก่ายงานของโค้ช และนักกีฬา (เจ้าของบางคนนี่แทบจะมาเป็นโค้ชซะเอง คริส บอก ฮ่าๆ) ซึ่งมันทำให้ได้ใจเขาไปเต็มๆ
แดเรียส์ เขาพูดถึงว่า คนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยภูมิใจที่เป็นคนไทย (อันนี้จริง) เขาอยากให้พวกเราภาคภูมิใจในตัวเอง เราแสดงให้ทุกทีมเห็นแล้วว่าคนไทยก็ซัดกับฝรั่งได้ (ไม่เชื่อไปถามสิงห์^^) ฝรั่งมันก็คนเหมือนเรานี่แหละอย่าไปยกยอปอปั้นอะไรมากมาย จงภูมิใจที่เป็นคนไทยนะพี่น้อง
แซ็ก บอกว่า ทีมนี้เหมือนทีมบาสไฮสคูล คือ กระหายชัยชนะ ไปไหนไปกันเป็นทีม สู้ด้วยกัน สนุกด้วยกัน แพ้/ชนะด้วยกัน ซึ่งต่างจากทีมอาชีพที่ต่างคนต่างมาทำงาน
ฟลอย พูดที่หลังก็เลยไม่ค่อยมีคำอะไรโดนๆออกมาเพราะโดนคนอื่นๆพูดไปหมดแล้ว^^!
ส่วนคนไทยก็ให้สิงห์เป็นตัวแทนมาพูด ก็บอกว่าพวกเราโชคดีที่มีบอสโอ๊คคอยสนับสนุน และให้โอกาสนักกีฬาไทยได้ประกาศศักดาห์ในเวที่ระดับอาเซี่ยน (เราใช้ผู้เล่นในประเทศลงสนามมากกว่าทีมอื่นๆ ยกเว้นทีมฟิลิปินนะ)
สำหรับผมแม้ซีซั่นนี้มันจะแสนสั้น(ได้เล่น 5 เกมมั้งถ้าจำไม่ผิด ก่อนโดนดันไปเป็นผู้ช่วยโค้ช) แต่ประสบการ์ที่ได้รับมันแสนจะคุ้มค่า ได้เรียนรู้หลายๆเรื่อง มีทั้งดีและไม่ดี ก็จะเอาไปใช้บอกเล่าให้น้องๆในทีมที่ผมโค้ชอยู่ได้เอาไปใช้กัน
สุดท้ายก็เอาภาพบรรยากาศสบายๆมาฝากกัน เพราะไม่รู้ว่าปีหน้าผมจะมีโอกาสแบบนี้อีกไหม ฝากถึงน้องๆที่รักบาสเกตบอลครับ โอกาสมาแล้วก็ผ่านไป ถ้าเราไม่พร้อมที่จะคว้าไว้มันก็จะกลายเป็นโอกาสของคนอืนครับ ฉนั้นเตรียมตัวให้พร้อมตลอดเวลา ซ้อมให้หนักครับ เพราะเราไม่รู้ว่าโอกาสทองจะมาเมื่อไหร่)
By Kittimon Wanna
1/6/2556
21:00
ads
ads
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)